
ยังคงมีความเคลื่อนไหวนัดหมายชุมนุมของบรรดานิสิต นักศึกษา แนวร่วม “กลุ่มเยาวชนปลดแอก” ในพื้นที่ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ขณะที่อีกด้านยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับกรณีที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เห็นชอบขยายเวลาบังคับใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน(พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) ที่อาจใช้สกัดกั้นการชุมนุม
ล่าสุดมีคำยืนยันจาก พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ที่ได้ชี้แจงประเด็นนี้ โดยหลักคือการป้องกันและแก้ปัญหาสถานการณ์โควิด-19 "การขยายเวลาบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเป็นเครื่องมือเดียวในช่วงเปลี่ยนผ่านซึ่งยังไม่มีกฎหมายอื่นรองรับ แต่เราไม่ได้นิ่งนอนใจ ฝ่ายกฎหมายพยายามปรับปรุง พ.ร.บ.โรคติดต่อให้ใกล้เคียง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มาตรา 9 ของพ.ร.ก.ฉุกเฉินเราใช้เบาที่สุด ไม่ห้ามออกนอกเคหสถานหรือเคอร์ฟิว จะไม่ใช้มาตรา 9 มาห้ามการชุมนุมเพื่อให้เห็นว่าเรามีเจตนาใช้คุมโรคเพียงอย่างเดียว การชุมนุมทางการเมืองให้ปฏิบัติตามกฎหมายอื่น” พล.อ.สมศักดิ์กล่าว
6 ญัตติด่วนเสนอสภาฯรับฟังนศ.
วันเดียวกันในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีวาระพิจารณาญัตติด่วนจำนวน 6 ญัตติ เรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณา มีมติให้มีการรับฟังความคิดเห็นของนักเรียน นิสิต และนักศึกษา ซึ่งเสนอโดย นายจักรพันธ์ พรนิมิตร ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ นายประเสริฐ จันทรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย นางอมรรัตรน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ และนายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย
โดยนายจักรพันธ์ อภิปรายว่า ขณะนี้ถือว่า เยาวชน นักศึกษา มีความตื่นตัวทางการเมืองขึ้นมาอีกครั้ง แต่ก็ต้องยอมรับว่า อีกด้านก็รู้สึกกังวล เพราะการชุมนุมทางการเมืองในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า มีหลายครั้งที่การชุมนุมอาจจะทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ มีความคิดอ่านที่ดีต่อบ้านเมือง แต่บางครั้งถูกผู้ไม่หวังดีบิดเบือน ยุยง ปลุกปั่นให้แสดงออกในทางที่ไม่เหมาะไม่ควร
จึงอยากให้สภาฯ ที่มีความเป็นกลางนั้น ช่วยเป็นสะพานเชื่อมความคิดความอ่านของเยาวชน ทั้งนี้ ข้อเรียกร้องของนักศึกษาทั้ง 3 ข้อคือ 1.ยุบสภาฯ 2.แก้ไขการใช้อำนาจของรัฐบาล และ3.แก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น 2 ข้อแรกเกี่ยวข้องกับฝ่ายบริหาร แต่ข้อสุดท้ายเกี่ยวกับสภาฯ จึงคิดว่าข้อมูลต่างๆ น่าจะเป็นประโยชน์ในการแลกเปลี่ยนความเห็นกัน
เตือนหยุดสร้างบรรยากาศความกลัว
ขณะที่นางอมรรัตน์ อภิปรายว่า วันนี้รัฐบาลควรหยุดลุแก่อำนาจ หยุดสร้างบรรยากาศแห่งความกลัวแล้วหันมาคุ้มครองคนที่ออกมาแสดงความคิดเห็น ไม่ใช่ยัดเยียดข้อกล่าวหาให้พวกเขา และดิฉันขอเสนอให้ยกเลิกมาตรา 279 ที่ลบล้างผลพวงจากการทำรัฐประหาร แล้วเอาคนยึดอำนาจเข้าคุก เพื่อสร้างบรรทัดฐานให้กับ ผบ.ทบ.คนต่อๆ ไปที่อยากจะเข้ามาเป็นนายกฯไม่ให้เข้ามายึดอำนาจอีก
ด้านนายภราดร อภิปรายว่า ขอเรียกร้องว่ารัฐบาลต้องรับฟังข้อคิดเห็นและข้อเรียกร้องอย่างเป็นเหตุเป็นผล ต้องไม่มีอคติกับกลุ่มที่มาชุมนุมเรียกร้องต่างๆ และไม่ควรผลักไสให้กลุ่มที่มีความเห็นตรงข้ามกับรัฐบาลไปอยู่เป็นคนพวก คนละมุม เพราะนั่นจะกลายเป็นไม้ขีดไฟก้านแรกที่จะนำไปสู่ความขัดแย้งในสังคม ซึ่งจากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา วินาทีที่ผู้มีอำนาจในรัฐบาลตัดสินใจใช้ความรุนแรงนั้น มักจะเป็นจุดจบของรัฐบาลเสมอ จึงต้องขอวิงวอนรัฐบาลและกลุ่มผู้ชุมนุมว่า วิธีการที่ดีที่สุดที่จะแก้ไขปัญหาให้กับประเทศนั้น เราต้องใช้สันติวิธี และใช้เวทีสภาฯ แห่งนี้แก้ไขปัญหา
ทั้งนี้ ข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุม 3 ข้อคือ 1.งดใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ ภท.ไม่สนับสนุนให้มีการใช้ความรุนแรง และพร้อมที่จะยืนอยู่ข้างฝ่ายที่ถูกกระทำ 2.ยุบสภาฯ หากยุบสภาฯ ในวันนี้ สิ่งที่ได้คือการเปลี่ยนแปลงประเทศอย่างที่เรียกร้องหรือ ตนเชื่อว่าไม่ใช่ เพราะกติกาบ้านเมืองและรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่เอื้ออำนวยอย่างนั้น และ 3.แก้รัฐธรรมนูญ พรรคภูมิใจไทยพร้อมร่วมมือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการให้สำเร็จ
"สกัด" - Google News
July 22, 2020 at 08:41PM
https://ift.tt/3hsG58W
ไม่ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน สกัดม็อบ - เสนอญัตติสภาฯ ตั้ง กมธ. รับฟังความเห็นเยาวชน - กรุงเทพธุรกิจ
"สกัด" - Google News
https://ift.tt/2XSFEwv
Bagikan Berita Ini
0 Response to "ไม่ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน สกัดม็อบ - เสนอญัตติสภาฯ ตั้ง กมธ. รับฟังความเห็นเยาวชน - กรุงเทพธุรกิจ"
Post a Comment