โดนเจาะไข่แตกพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ภายในประเทศรายแรก ภายหลังที่ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เพิ่งประกาศเป็นโอกาสดีที่ประเทศไทยไม่พบผู้ติดเชื้อภายในประเทศครบ 100 วันไปหมาดๆ
ผู้ป่วยรายใหม่เป็นชายอาชีพดีเจร้านอาหาร ซึ่งตรวจพบขณะถูกคุมขังในเรือนจำ ที่สำคัญไม่ได้เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ
จึงกลายเป็นประเด็นใหม่ ทำเอาตื่นตระหนกพอสมควร โดยเฉพาะประจวบเหมาะกับช่วงวันหยุดยาวชดเชยสงกรานต์ ที่มีคนเดินทางกลับภูมิลำเนาและเคลื่อนไหวมากกว่าปกติ ทำให้ประเด็นนี้ ทุกคนต้องหันกลับมาสนใจและตื่นตัว แต่ต้องไม่ตื่นตระหนก...
แม้ล่าสุดจะโล่งใจได้ไปเปราะหนึ่ง ภายหลังทีมแพทย์ของกระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยผลการตรวจหาเชื้อในรายผู้สัมผัสเสี่ยงสูงกับผู้ต้องขังที่ติดเชื้อโควิด-19 โดยผลตรวจยังไม่ติดเชื้อโควิดแต่อย่างใด อีกทั้งทีมแพทย์ยังระบุว่า กรณีนี้โอกาสแพร่เชื้อน้อย
แต่เราก็ประมาทไม่ได้ เพราะเป็นสิ่งที่แพทย์แสดงความกังวลและเตือนมาตลอดสำหรับการแพร่ระบาดระลอก2 พร้อมการเตรียมแผนรองรับ
แน่นอนว่าทุกคนไม่ต้องการเห็นการระบาดระลอก 2 แต่การเลี่ยงก็ถือว่ายากมาก เพราะขณะนี้ประเทศไทยเปรียบเหมือนไข่แดง ที่อยู่ท่ามกลางหลายประเทศอาเซียน
โดยเฉพาะประเทศรอบๆ บ้านที่มีพรมแดนติดต่อกับเรากลับมาระบาดระลอก 2 และมีตัวเลขผู้ติดเชื้อสูงขึ้นอย่างน่าเป็นห่วง จนต้องกลับไปใช้มาตรการล็อคดาวน์กันอีกครั้ง
ในขณะที่ประเทศไทยเรียกว่า กำลังอยู่ในระยะฟื้นฟูและปรับตัว หรือเรียกง่ายๆ ว่า หลายอย่างกำลังทำท่าจะดี คนเริ่มกล้าออกมาจับจ่ายใช้สอย เริ่มออกมาท่องเที่ยวมากขึ้น หลายธุรกิจกำลังเริ่มหายใจได้
ขณะที่รัฐบาลก็ใช้มาตรการทางการเงินการคลัง ออกมาพยุงเศรษฐกิจภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบโควิด-19 หรือ ศบศ. เคาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแจกเงิน คนละ 3,000 บาท รวม 15 ล้านคน เพื่อช่วยลดค่าครองชีพ และหวังช่วยเหลือร้านค้าย่อยครอบคลุมหาบเร่แผงลอย
อีกทั้งยังเห็นชอบมาตรการจ้างงานเด็กจบใหม่ 260,000 อัตรา ที่รัฐบาลจะสนับสนุนเงินค่าจ้าง ร้อยละ 50 ของเงินเดือน โดยมีเงื่อนไขนายจ้างต้องอยู่ในระบบประกันสังคม นอกจากนี้ยังมีโครงการต่างๆ ที่เตรียมขอใช้งบจากเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 กรอบวงเงิน 4 แสนล้านบาท
ดังนั้นสิ่งที่น่ากังวลใจไม่แพ้การระบาดระลอก 2 คือ ปัญหาเศรษฐกิจที่เสี่ยงดิ่งฟุบยาว เพราะในรอบแรกเราอัดกระสุนเต็มที่สู้ ซึ่งเปรียบถึงการใช้มาตรการการเงินการคลังต่างๆ ออกมารับมือ แต่ในทางกลับกันก็นำมาซึ่งภาระที่เพิ่มขึ้นของรัฐบาลด้วย
ดังนั้นกระสุนที่เราเหลืออยู่เพื่อต่อสู้วิกฤตโควิด-19 นั้นมีไม่มากแล้ว รัฐบาลจึงต้องทำทุกวิถีทางในการใช้กระสุนที่เหลืออยู่นี้ยิงให้แม่นตรงเป้าเข้าตรงจุด
แต่หากแก้ปัญหานี้ไม่ได้ ต่อไปคนก็จะไม่กลัวเจ้าไวรัสร้าย แต่กลัวอดตายกันมากกว่า และก็จะกลายเป็นแรงผลักให้คนออกมาเคลื่อนไหวนอกสภา สุดท้ายก็กลายเป็นปัญหาลุกลามให้รัฐบาลอยู่ไม่ได้
ทั้งนี้ทั้งนั้น ณ วันนี้ทุกคนต่างก็ตระหนักดีแล้วว่าวิกฤติครั้งนี้ มันยิ่งใหญ่กว่าครั้งไหนๆ เหมือนสึมามิลูกใหญ่ซัดพร้อมกันทั้งโลก เราจะร้องเรียกให้ใครมาช่วยคงไม่ได้ เพราะทุกประเทศอ่วมหนักพอกัน
ดังนั้นต้องใช้ศักยภาพของเราอย่างเต็มกำลังในการช่วยกันพยุงและฟื้นฟูกันเอง ผ่าน"ความร่วมมือ”ของทุกภาคส่วนที่จะช่วยให้เรารอดได้
นอกจากการ์ดอย่าตกแล้ว ยังต้องตั้งการ์ดให้สูงขึ้นพร้อมสู้ตลอดเวลา เพื่อรักษาสถิติที่ดีของเราที่ทั่วโลกต่างชื่นชม ซึ่งวิกฤตโควิด-19 ครั้งนี้จะเป็นบทพิสูจน์ที่สำคัญ.
"สกัด" - Google News
September 07, 2020 at 10:00AM
https://ift.tt/3i9qSuj
สกัดโควิดสกัดไฟนอกสภา - เดลีนีวส์
"สกัด" - Google News
https://ift.tt/2XSFEwv
Bagikan Berita Ini
0 Response to "สกัดโควิดสกัดไฟนอกสภา - เดลีนีวส์"
Post a Comment